Question Tag
นะครับ ก็คือ " การตั้งคำถามท้ายประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ " ประโยคคำถามแบบนี้นะครับ
ส่วนใหญ่มักจะใช้ในการสนทนามากกว่าที่จะใช้ในภาษาเขียนครับ
ซึ่งก็จะมีหลักการตั้งประโยคคำถามแบบนี้ง่ายๆ ก็คือ
1. ถ้าประโยคข้างหน้าเป็นประโยคบอกเล่า
Question Tag จะต้องเป็นปฏิเสธ
2. ถ้าประโยคข้างหน้าเป็นประโยคปฎิเสธ
Question Tag จะต้องเป็นบอกเล่า
3. ต้องใส่เครื่องหมาย
Comma คั่นระหว่างประโยคหลักกับ Question Tag เสมอ
4. ตัว Question Tag ต้องเป็นกริยาช่วยเสมอครับ
5. หากไม่มีกริยาช่วยในประโยคหลัก
ให้ใช้ Verb to do มาช่วย
6. กริยาช่วยตรง Question
Tag ต้องใช้รูปย่อเสมอ และไม่มีรูป amn't I ให้ใช้ aren't I แทน
7. กริยาช่วยเหล่านั้น
จะต้องเปลี่ยนไปตาม Tense ที่ประโยคหลักนะครับ
จะยกตัวอย่างประโยคคำถาม Question Tag ให้ดูนะครับ
I am a student, aren't I?
ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหมเนี่ย????
( ประโยคนี้ตั้งให้เห็นเฉยๆ ครับ ว่าอย่าใช้ amn't I ให้ใช้ aren't I แทน
แต่ความหมายอย่าไปใส่ใจเลยครับ
เพราะคงจะไม่มีใครมาบ้าถามตัวเองแบบนี้ )
Cathy
won't go shopping with us tomorrow, will she?
เคที่จะไม่ไปช้อปปิ้งกับพวกเราพรุ่งนี้ใช่ไหม? ( กริยาช่วย คือ will
)
He need not study French, need he?
เขาไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาฝรั่งเศสใช่ไหม?
( ดูให้ดีๆ นะครับ กริยา need ในที่นี้ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย เพราะฉะนั้น
อย่าใช้ Verb to do มาช่วยเด็ดขาด
อ้อ...คำว่า dare และก็ Verb to have ด้วยนะครับ ต้องดูซักหน่อยว่า ตอนไหนมันเป็นกริยาช่วย
ตอนไหนมันเป็นกริยาแท้ )
Peter ate my apple, didn't he?
ปีเตอร์กินแอปเปิ้ลของฉันใช่ไหม?
( ประโยคหลักเป็น Past Simple Tense และไม่มีกริยาช่วย เพราะฉะนั้น ต้องเอา
Verb to do มาช่วยและทำให้เป็นรูป
Past ด้วยนะครับ )
Question
Tag ในประโยคคำสั่ง
Question
Tag ในประโยคคำสั่ง ขอร้อง เชื้อเชิญ เราสามารถทำตรง Question
Tag ได้โดยเติม คำว่า will you ไปเลยครับ
ประโยคข้างหน้าจะเป็นบอกเล่าปฏิเสธ หรือเป็น Tense ไหนก็ไม่ต้องไปสนใจ แต่ต้องแน่ใจนา
ว่ามันเป็นประโยคกลุ่มนี้จริงๆ
Stop speaking loudly, will you?
หยุดแหกปากซักทีได้ไหม?
Open those windows for me, will you?
ช่วยเปิดหน้าต่างให้ฉันหน่อยได้ไหม?
ข้อควรจำในการทำ
Question Tag
1.
ถ้าประโยคข้างหน้าขึ้นต้นด้วย That is, This is ส่วน Question Tag ให้ใช้
isn't it? หรือ is it
2. ถ้าประโยคข้างหน้าขึ้นต้นด้วย
There is, There are, There was, There were ส่วน Question Tag ให้ใช้
Verb to be
รูปนั้นๆ ตามประธานและ Tense + there เช่น
There is a computer at your house, isn't there?
บ้านของเธอมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช่ไหม?
3. ถ้าประโยคข้างหน้าขึ้นต้นด้วย
These are, Those are ส่วน Question Tag ให้ใช้ aren't they หรือ are
they
แล้วแต่กรณี
4. ถ้าประโยคข้างหน้าเป็นประโยคความซ้อน ส่วน Question Tag ให้ถือเอากริยาในประโยค Main Clause เป็นหลักนะจ๊ะ เช่น
Chirstina told us she could come, didn't she?
คริสตินาบอกพวกเราว่า หล่อนจะมาได้ใช่ไหม?
( สังเกตว่ามีคำกริยาคือ told เพราะฉะนั้น ก็ต้องใช้ Verb to do ในรูปอดีตมาช่วยนะครับ
)
5. ถ้าประโยคข้างหน้ามีคำที่ให้ความหมายเชิงปฏิเสธ
เช่น seldom, hardly, scarcely, rarely, never, few, little, neither,
none,
nobody, nothing คำเหล่านี้นะครับ มีความหมายในทางปฏิเสธอยู่ในตัวของมันเองแล้ว
ดังนั้นในส่วนของ
Question
Tag นั้น จะต้องทำในรูปบอกเล่าครับ เช่น
Nothing is interesting, is it?
ไม่มีอะไรน่าสนใจใช่ไหม?
ท่านสามารถอ่านบทเรียนก่อนหน้านี้ได้ที่ ดรรชนี ( Index ) ได้นะคร้าบ
คำถามอุ่นเครื่อง ( Warm-up Question )
ในครั้งต่อไป ผมจะเริ่มพูดเรื่องของ
Tense
แล้วนะครับ ก็เลยมีคำถามจะมาถามท่านผู้อ่านที่เคารพทั้งหลายครับว่า
ท่านทราบหรือไม่ว่า
Tense
ในภาษาอังกฤษนั้นมีทั้งหมดเท่าไรเอ่ย???? ไม่มีชิงโชคหรอกนะครับ ( ฮา
)
เมล์มาบอกผมก็ได้ครับ ว่ามีอะไรบ้าง จะสอบถามก็ได้นะครับ เพราะผมว่าเรื่อง
Tense
นี่คงต้องคุยกันอีกนานครับ
อ้อ.....หากจะเรียนเรื่อง
Tense
นี่นะครับ ท่านควรจะสามารถผันกริยาทั้ง 3 ช่องได้อย่างคล่องแคล่วแล้วนะครับ
โดยเฉพาะกริยากลุ่มที่มีการผันแบบเฉพาะ
(
Irregular Verbs ) ซึ่งมีเป็นจำนวนเยอะพอสมควรทีเดียวครับ
ผมคงจะไม่สามารถเอามาลงได้ทั้งหมดหรอกนะ ( แต่ถ้าท่านผู้อ่านเรียกร้องมากๆ
ก็ไม่แน่ครับ อิอิอิ ) ผมแนะว่า
หากท่านยังผันกริยาไม่ค่อยคล่องนัก กรุณาลองซื้อหนังสือตารางผันกริยา 3 ช่องมาอ่านดูก็ได้ครับ
เล่มละไม่กี่บาทเองครับ
หรือจะลองไปเปิดภาคผนวกของพจนานุกรมภาษาอังกฤษบางเล่มก็จะมีครับ เน้นให้จำเฉพาะกลุ่ม
Irregular Verbs
ก็เพียงพอแล้วครับ ส่วนที่เหลือก็คือเติมตัวลงท้าย
(
Suffix ) -ed
หมดเลยครับ