Singular and Plural
หลักการเปลี่ยน
1. คำนามโดยทั่วไปเมื่อเปลี่ยนจากเอกพจน์เป็นพหูพจน์มักจะเติม
" s " ลงที่ท้ายคำนั้น เช่น
cup -----> cups ( ถ้วย ) book -----> books ( หนังสือ )
elephant -----> elephants ( ช้าง )
lamp -----> lamps ( โคมไฟ ) house -----> houses ( บ้าน )
car -----> cars ( รถยนต์ )
2. คำเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, x, z, ch
หรือ sh เมื่อเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์จะต้องเติม es เช่น
kiss -----> kisses ( จูบ ) box -----> boxes ( กล่อง )
watch -----> watches ( นาฬิกา )
brush -----> brushes ( แปรง ) topaz -----> topazes ( บุษราคัม )
ยกเว้น : monarch -----> monarchs ( กษัตริย์ ) เพราะว่าพยัญชนะ
ch ออกเสียงเป็น /ค/ ไม่ใช่ /ช/ ครับ
3. คำเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o
และหน้า o เป็นพยัญชนะ ให้เติม es เช่น
motto -----> mottoes ( คติพจน์ ) potato -----> potatoes ( มัน
) mango ----> mangoes ( มะม่วง )
ยกเว้น : คำเหล่านี้เติม s เมื่อทำเป็นพหูพจน์ bamboo -----> bamboos
( ไม้ไผ่ ) radio -----> radios ( วิทยุ )
kilo -----> kilos ( กิโลชั่งขายของ ) piano -----> pianos
( เปียโน ) kangaroo -----> kangaroos ( จิงโจ้ )
dynamo -----> dynamos ( ไดนาโม ) photo -----> photos ( รูปถ่าย
) memo -----> memos ( บันทึก )
zero -----> zeros ( เลขศูนย์ ) zoo ------> zoos ( สวนสัตว์
) banjo -----> banjos ( เครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง )
embryo -----> embryos ( เด็กในท้อง ) casino ------> casinos
( บ่อนการพนัน ) solo ------> solos ( โซโล )
Eskimo -----> Eskimos ( ชนเผ่าเอสกิโม ) studio -----> studio
( สตูดิโอ ) ฯลฯ
หมายเหตุ : คำเหล่านี้จะเลือกเติม s หรือ es ก็ได้ เมื่อต้องการทำเป็นพหูพจน์
ได้แก่ buffalo ( ควาย ), cargo ( สินค้า ),
calico ( ผ้าเนื้อหยาบ ), domino ( โดมีโน ), grotto ( ถ้ำ ),
halo ( แสงเป็นวงกลม ), lasso ( เชือกบ่วงบาศ ),
mosquito ( ยุง ), portico ( หลังคาทางเดิน ), proviso ( ข้อแม้ ), volcano
( ภูเขาไฟ )
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย y แล้วหน้า y เป็นพยัญชนะ
ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
lady -----> ladies ( สุภาพสตรี ) country -----> contries (
ประเทศ ) city -----> cities ( เมือง )
5. คำนามที่ลงท้ายด้วย y แล้วหน้า y เป็นสระ
ให้เติม s ได้เลย เช่น
donkey ------> donkeys ( ลา ) boy -----> boys ( เด็กชาย )
day -----> days ( วัน )
monkey -----> monkeys ( ลิง ) key -----> keys ( ลูกกุญแจ )
ray -----> rays ( รังสี )
6. คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยน
f หรือ fe เป็น v แล้วเติม es เช่น
wife -----> wives ( ภรรยา ) life -----> lives ( ชีวิต )
knife ------> knives ( มีด )
wolf -----> wolves ( หมาป่า ) calf -----> calves ( ลูกวัว )
shelf -----> shelves ( หิ้ง )
หมายเหตุ ๑). คำต่อไปนี้สามารถเติม s หรือจะใช้ -ves ก็ได้
คือ scarf ( ผ้าพันคอ ), wharf ( ท่าเรือ )
๒). คำต่อไปนี้ให้เติมด้วย s ไปเลย ได้แก่ reef ( หินโสโครก ), grief ( ความเศร้าโศก
), gulf ( อ่าว ),
dwarf ( คนแคระ ), turf ( พื้นหญ้า ), chief ( หัวหน้า ), roof ( หลังคา ),
hoof ( กีบเท้าสัตว์ ),
cliff ( หน้าผา ), proof ( หลักฐาน ), strife ( การวิวาท ), safe ( ตู้นิรภัย
), fife ( ขลุ่ย )
handkerchief ( ผ้าเช็ดหน้า )
7. นามบางคำจะเปลี่ยนรูปไปจากเดิมเมื่อเป็นพหูพจน์
ซึ่งจะต้องใช้การจดจำ เช่น
man -----> men ( ผู้ชาย ) woman -----> women ( ผู้หญิง )
foot -----> feet ( ฟุต )
mouse ------> mice ( หนู ) louse -----> lice ( เหา )
child -----> children ( เด็ก )
goose -----> geese ( ห่าน ) tooth -----> teeth ( ฟัน )
ox -----> oxen ( วัวตัวผู้ )
8. คำนามบางคำมีรูปเอกพจน์เหมือนกับรูปพหูพจน์
เช่น
sheep ( แกะ ), deer ( กวาง ), salmon ( ปลาแซลมอน ), grouse ( ไก่ป่า ),
cod ( ปลาค็อด ),
fish ( ปลา ), bison ( กระทิง ), swine ( หมูป่า ), reindeer ( กวางเรนเดียร์
), herring ( ปลาเฮอร์ริง )
9. คำที่มาจากภาษากรีกหรือละติน เมื่อเป็นพหูพจน์จะเป็นไปตามกฎของภาษากรีกหรือละติน
เช่น
agendum -----> agenda ( หัวข้อการประชุม ) erratum -----> errata
( ผิด ) datum -----> data ( ข้อมูล )
memorandum -----> memoranda ( บันทึก ) radius -----> radii
( รัศมี ) crisis -----> crises ( วิกฤตการณ์ )
phenomenon -----> phenomena ( ปรากฏการณ์ ) oasis -----> oases
( โอเอซิส ) axis -----> axes ( แกน )
thesis -----> theses ( วิทยานิพนธ์ ) appendix -----> appendices
( ดรรชนี ) basis -----> bases ( พื้นฐาน )
10. คำนามผสมที่มีบุพบทมาคั่น ให้เติม
s ที่ท้ายคำแรก หากต้องการทำเป็นพหูพจน์ เช่น
sister-in-law -----> sisters-in-law ( พี่สะใภ้, น้องสะใภ้ )
passer-by ------> passers-by ( คนที่เดินผ่านไปมา )
ผมขอสรุปคร่าวๆ แต่เพียงเท่านี้นะครับ เรื่องเอกพจน์พหูพจน์นี้ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนกันพอสมควรทีเดียวนะครับ
คำบางคำอาจจะมีรูปเสมือนเป็นพหูพจน์ แต่จริงๆ แล้วเป็นเอกพจน์ก็มีนะครับ อย่างเช่น
news
เป็นต้นครับ หรือคำบางคำ
ก็ต้องทำให้เป็นรูปพหูพจน์อยู่เสมอ อย่างเช่น pants,
glasses, scissors เป็นต้น คำบางคำแม้รูปเอกพจน์กับพหูพจน์
อาจจะให้ความหมายที่แตกต่างกันไปเลยครับ ........