ระเด่นลันได
โดย ... พระมหามนตรี





๏ มาจะกล่าวบทไป                               ถึงระเด่นลันไดอนาถา
เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา            ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์
อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน              กำแพงแก้วแล้วล้วนด้วยเรียวหนาม
มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม               คอยปราบปรามประจามิตรที่คิดร้าย

๏ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง    ป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย
ไม่มีใครชิงชังทั้งหญิงชาย                    ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี
พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์                  ยุงชุมสุมควันแล้วเขาที่
บรรทมเหนือเสื่อลำแพนแท่นมณี       ภูมีซบเวาเมากัญชk

๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง            โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า
เสร็จเสวยข้าวตังกับหนังปลา               ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง

๏ กระโดดดำสามทีสีเหงื่อไคล            แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง
ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง         ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว
นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์                ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว
เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว        ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี
สวมประคำดีความตะพายย่าม            หมดจดงดงามกว่าปันหยี
กุมตระบองกันหมาจะราวี                   ถือซอจรลีมาตามทาง

                                                                                                                      ๏ มาเอยมาถึง                      เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง
                                                                                                        ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง            มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวั'
                                                                                                        พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา            หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง
                                                                                                        แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง        พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน

                                                                                                                    ๏ เมื่อนั้น                                นางประแดะหูกลวงดวงสมร
                                                                                                        ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร                เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว
                                                                                                        โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา                    บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว
                                                                                                        แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว                หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย
                                                                                                        ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า        คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย
                                                                                                        จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย               ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง
                                                                                                        พอเหลือบเห็นระเด่นลันได              อรไทผินผันหันข้าง
                                                                                                        ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลา                ชะน้อยฤารูปร่างราวกับกลึง
                                                                                                        งามกว่าภัสดาสามี                                ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง
                                                                                                        เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง                  นางตะลึงแลดูพระภูมี

๏ เมื่อนั้น                                                พระสุวรรณลันไดเรืองศรี
เหลียวพบสบเนตรนางตานี                ภูมีพิศพักตร์ลักขณา

๏ สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด            งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา              ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ
คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย                  จมูกงามละม้ายคล้ายพร้าขอ
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ                       ลำคอโตตันสั้นกลม
สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว              โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม                มันน่าเชยน่าชมนางเทวี

๏ นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา            ฤาว่าเป็นพระมเหสี
อกใจทึกทักรักเต็มที                            ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด

๏ ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ                มีอยู่สองสามคำจำไว้ได้
สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร     ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น

๏ แล้วซ้ำสีอีกกระดิกนิ้ว                    ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน
เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน                พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป
 

มีต่อหน้า 2 =>
.