๏ เมื่อนั้น
ลันไดไม่สมอารมณ์หมาย
เห็นนางหน่ายหนีลี้กาย
โฉมฉายสลัดพลัดมือไป
มันให้ขัดสนยืนบ่นออด
เจ้ามาทอดทิ้งพี่หนีไปได้
ตัวก_จะอยู่ไปทำไม
ก็ยกย่ามขึ้นไหล่ไปทั้งรัก
๏ เมื่อนั้น
ท้าวประดู่สุริย์วงศ์ทรงกระฏัก
เที่ยวเลี้ยงวัวล้าเลื่อยเหนื่อยนัก
เข้าหยุดยั้งนั่งพักในศาลา
วันเมื่อมเหสีจะมีเหตุ
ให้กระตุกนัยเนตรทั้งซ้ายขวา
ตุ๊กแกตกลงตรงพักตรา
คลานไปคลานมาก็สิ้นใจ
แม่โคขึ้นสัดผลัดโคตัวผู้
พิเคราะห์ดูหลากจิตคิดสงสัย
จะมีเหตุแม่นมั่นพรั่นพระทัย
ก็เลี้ยวไล่โคกลับเข้าพารา
๏ ครั้นถึงขอบรั้วริมหัวป้อม
พระวิ่งอ้อมเลี้ยวลัดสกัดหน้า
ไล่เข้าคอกพลันมิทันช้า
เอาขี้หญ้าสุมควันกันริ้นยุง
ยืนลูบเนื้อลูบตัวที่หัวบันได
แล้วเข้าในปรางค์รัตน์ผลัดผ้านุ่ง
ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างมุ้ง
เห็นกระบุงข้าวกล้องนั้นพร่องไป
ปลาสลิดในกระบายก็หายหมด
พระทรงยศแสนเสียดายน้ำลายไหล
กำลังหิวข้าวเศร้าเสียใจ
ก็เอนองค์ลงในที่ไสยา
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกมเหสี
เข้ามานี่พุ่มพวงดวงยี่หวา
วันนี้มีใครไปมา
ยังพาราเราบ้างหรืออย่างไร
๏ เมื่อนั้น
นางประแดะฟังความที่ถามไถ่
กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ
ร้อนตัวกลัวภัยพระภูมี
ตั้งแต่พระเสด็จไปเลี้ยงวัว
น้องก็นอนซ่อนตัวอยู่ในที่
ไม่เห็นใครไปมายังธานี
จงทราบได้เกศีพระราชา
๏ เมื่อนั้น
ท้าวประดู่ได้ฟังให้กังขา
จึงซักไซ้ไล่เลียงกัลยา
ว่าไม่มีใครมาน่าแคลงใจ
ทั้งข้าวทั้งปลาของข้าหาย
เอายักย้ายขายซื้อฤาไฉน
ฤาลอบลักตักให้แก่ผู้ใด
จงบอกไปนะนางอย่าพรางกัน
๏ เมื่อนั้น
นางประแดะตกใจอยู่ไหวหวั่น
ด้วยแรกเริ่มเดิมทูลพระทรงธรรม์
ว่าใครนั้นมิได้จะไปมา
ครั้นจะไม่ทูลความไปตามจริง
ก็เกรงกริ่งด้วยพิรุธมุสา
สารภาพกราบลงกับบาทา
วอนว่าอย่าโกรธจงโปรดปราน
วันนี้มีหน่อกระษัตรา
เที่ยวมาสีซอขอข้าวสาร
น้องเสียมิได้ก็ให้ทาน
สิ้นคำให้การแล้วผ่านฟ้า
๏ เมื่อนั้น
ท้าวประดู่ได้ฟังนึกกังขา
ใครหนอหน่อเนื้อกระษัตรา
เที่ยวมาสีซอขอทาน
เห็นจะเป็นอ้ายระเด่นลันได
ที่ครอบครองกรุงใกล้เทวฐาน
มันเสแสร้งแกล้งทำมาขอทาน
จะคิดอ่านตัดเสบียงเอาเวียงชัย
จึงชี้หน้าว่าเหม่มเหสี
มึงนี้เหมือนหนอนที่บ่อนไส้
ขนเอาปลาข้าวให้เขาไป
วันนี้จะได้อะไรกิน
ถ้ามั่งมีศรีสุขก็ไม่ว่า
นี่สำเภาเลากาก็แตกสิ้น
แล้วมิหนำซ้ำตัวเป็นมลทิน
จะอยู่กินต่อไปให้คลางแคลง
เจ้าศรัทธาอาศัยอย่างไรกัน
ฤากระนี้กระนั้นก็ไม่แจ้ง
จะเลี้ยงไว้ไยเล่าเมื่อข้าวแพง
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว
๏ เมื่อนั้น
นางประแดะเลี้ยวลอดกอดเอวได้
เหมือนเล่นงูกินหางไม่ห่างไกล
นึกประหวั่นพรั่นใจอยู่รัวรัว
โปรดก่อนผ่อนถามเอาความจริง
เมื่อชั่วแล้วแทงทิ้งเถิดทูนหัว
อันพระสามีเป็นที่กลัว
จะทำนอกใจผัวอย่าพึงคิด
พระหึงหวงมิได้ล่วงพระอาญา
ที่ให้ข้าวให้ปลานั้นข้าผิด
น้องนี้ทำชั่วเพราะมัวมิด
ทำไมกับชีวิตไม่เอื้อเฟื้อ
น้องมิได้ศรัทธาอาศัย
จะลุยน้ำดำไฟเสียให้เชื่อ
ไม่มีอาลัยแก่เลือดเนื้อ
แต่เงื้อเงื้อไว้เถิดอย่าเพ่อแทง
๏ เมื่อนั้น
ท้าวประดู่เดือดนักชักพระแสง
ถ้าบอกจริงให้กูอีหูแหว่ง
จะงดไว้ไม่แทงอย่าแย่งยุด
กูก็เคยเกี้ยวชู้รู้มารยา
มิใช่มึงโสดามหาอุด
มันเป็นถึงเพียงนี้ก็พิรุธ
ถึงดำน้ำร้อยผุดไม่เชื่อใจ
ยังจะท้าพิสูจน์รูดลอง
พ่อจะถองให้ยับจนตับไหล
เห็นว่ากูหลงรักแล้วหนักไป
เอออะไรนี่หวาน้ำหน้ามึง
หาเอาใหม่ให้ดีกว่านี้อีก
ผิดก็เสียเงินปลีกสองสลึง
กำลังกริ้วโกรธาหน้าตึง
ถีบผึงถูกตะโพกโขยกไป
๏ เมื่อนั้น
นางประแดะเจ็บจุกลุกไม่ไหว
ค่อยยืนยันกระเผลกเขยกไป
เข้ายังครัวไปร้องไห้โฮ
ร้องดิ้นเร่าเร่าพ่อเจ้าเอ๋ย
ลูกไม่เคยโกหกพกโมโห
เสียแรงได้เป็นข้ามาแต่โซ
กลับพาโลโกรธาด่าตี
น้องก็ไร้ญาติวงศ์พงศา
หมายพึ่งบาทาพระโฉมศรี
โคตรพ่อโคตรแม่ก็ไม่มี
อยู่ถึงเมืองตานีเขาตีมา
ตะโพกโดกโดนเมียแทบคลาด
ถีบด้วยพระบาทดังชาติข้า
จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้ายา
ตายโหงตายห่าก็ตายไป
๏ เมื่อนั้น
ท้าวประดู่ได้ฟังดังเพลิงไหม้
ดูดู๋อีประแดะค่อนแคะไค้
กลับมาด่าได้อีใจเพชร
เอาแต่คารมณ์เข้าข่มกลบ
กูจะจิกหัวตบเสียให้เข็ด
ชะช่างโศกาน้ำตาเล็ด
กูรู้เห็นเช่นเท็จทุกสิ่งอัน
๏ ว่าพลางทางคว้าได้พร้าโต้
ดุด่าตาโตเท่ากำปั้น
ผลักประตูครัวไฟเข้าไปพลัน
นางประแดะยืนยันลั่นกลอนไว้
ผลักมาผลักไปอยู่เป็นครู่
จะเข้าไปในประตูให้จงได้
กระทืบฟากโครมครามความแค้นใจ
อึกกระทึกทั่วไปในพารา